
ปัจจัยที่ทำให้สูง อยากรู้ต้องอ่าน
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันการได้เปรียบด้านความสูงสามารถสร้างประโยชน์และชีวิตที่ดีได้ ด้วยเหตุนี้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านจึงเริ่มศึกษาข้อมูลที่จะทำให้เด็กๆสามารถสูงได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้หมอฟ้าจะมาไขข้อข้องใจกันนะคะ ว่าปัจจัยที่ทำให้สูงมีอะไรบ้างและทำให้สูงได้อย่างไร

1.อายุ
การเจริญเติบโตของเด็กๆสามารถแบ่งได้ 3 ช่วงเวลาที่มีการพัฒนาการของความสูงอย่างรวดเร็วคือ
ระยะพื้นฐานของการเจริญเติบโต อายุ 1 – 9 ปี
กระดูกมนุษย์ในอายุช่วงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ตามมา ปริมาณแคลเซียมไอออนที่ร่างกายเด็กๆควรจะได้รับเพื่อการเพิ่มความสูงอยู่ที่ 300-900 มก. ต่อวัน แต่เด็กในวัยนี้บางคนอาจมีอาการเบื่ออาหาร ทำให้การดูดซึมแคลเซียมไอออนจากอาหารจึงไม่เพียงพอ จนเกิดการลดความสูงในเด็กช่วงระยะการพัฒนาได้
ระยะการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน อายุ 10 – 16 ปี
ระยะนี้เป็นช่วงพัฒนาการที่เด็กๆจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การพัฒนาการทางด้านส่วนสูงก็สามารถเห็นได้ชัด ระยะนี้เด็กๆจะสามารถดูดซึมแคลเซียมไอออนได้ถึง 30,000 มก.ต่อวันและร่างกายจะสามารถสูงเพิ่มขึ้นได้ 1 เซนติเมตร
ระยะสุดท้ายของการเพิ่มความสูง อายุ 17 – 25 ปี
เป็นระยะสุดท้ายที่เด็กๆจะสามารถสูงได้ จากการศึกษาพบว่าระยะนี้กระดูกอ่อนที่เป็นปัจจัยเกี่ยวกับการสูงยังไม่เกิดการปิด เด็กๆจึงสามารถสูงได้ประมาณ 2-3 เซนติเมตรต่อปี ดังนั้นในระยะนี้การเพิ่มโภชนาการทางด้านแคลเซียมไอออนจึงเป็นปัจจัยสำคัญมาก
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอายุที่ต่างกัน หากเสริมด้วยโภชนาการที่จำเป็นอย่างครบถ้วน จากที่ปกติเด็กๆจะสูงขึ้นปีละ 3-8 เซนติเมตร จะทำให้เด็กๆสูงเพิ่มขึ้น 7-8 เซนติเมตรต่อปีเลยที่เดียว

2.โภชนาการ
โภชนาการเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สูงที่สำคัญอย่างมากเพราะร่างกายของเราจะได้เจริญเติบโตได้เต็มที่หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสารอาหารที่ได้รับในแต่ละวันเพียงพอหรือไม่ สารอาหารที่มีผลต่อความสูงมากที่สุดคือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม และ วิตามิน
1. โปรตีน
- โปรตีนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการการเจริญเติบโตของร่างกาย มีหน้าที่สำคัญในการเสริมสร้างเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย
- กรดอะมิโนในโปรตีนเหล่านี้ยังเป็นสารอาหารที่สำคัญที่ช่วยให้ต่อมใต้สมองผลิตโกรทฮอร์โมนหรือฮอร์โมนการเจริญเติบโตออกมากกระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็กอีกด้วย
- โปรตีนมีอยู่ในเนื้อสัตว์ นม ไข่ และ ถั่ว เป็นหลัก
- เด็กๆต้องการโปรตีนประมาณ 2.2 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม
2. คาร์โบไฮเดรต
- ช่วยให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวเพื่อทำงานหรือประกอบกิจกรรมต่าง ๆ
- ช่วยสงวนคุณค่าของโปรตีนไว้ไม่ให้เผาผลาญเป็นพลังงานส่งเสริมความสูงให้แก่เด็กวัยกำลังเจริญเติบโต
- คาร์โบไฮเดรตมีอยู่ใน ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน ฯลฯ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าว
- เด็กๆควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตวันละ 7-8 ทัพพี
3. แคลเซียม
- ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและการเจริญเติบโตของกระดูก
- ในวัยเด็กควรได้รับแคลเซียมปริมาณ 800 มิลลิกรัมต่อวัน
- ในวัยรุ่นควรได้รับแคลเซียมปริมาณ 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน
- ในผู้ใหญ่ควรได้รับแคลเซียมปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมเกิน 500 มิลลิกรัมได้ในมื้อเดียว ดังนั้นควรแบ่งรับประทานออกเป็นมื้อ ๆ
- ผลเสียของการรับประทานแคลเซียมมากเกินขนาด หากรับประทานมากกว่า 2,500 มิลลิกรัมต่อวัน อาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงได้ มีอาการท้องผูก และเพิ่มความเสี่ยงของนิ่วในไตและการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ
4.วิตามินและเซลลูโลส
- วิตามินที่สำคัญที่สุดคือวิตามิน A, B และ C ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของมนุษย์
- ซึ่งมีอยู่ในตับ ไข่ โดยเฉพาะผักที่มีวิตามินเซลลูโลสและแร่ธาตุที่หลากหลาย เด็กๆที่ต้องการเพิ่มความสูงควรกินผักสดมากขึ้นนั่นเอง
” โภชนาการสำคัญอย่างมากในการเจริญเติบโต “

3. เพิ่มการออกกำลังกายสำหรับเด็กทุกวัย
นอกจากการดูดซึมสารอาหารแล้ว การออกกำลังกายยังเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตของของเด็กๆ การออกกำลังกายในช่วงเวลาและปริมาณที่เหมาะสมสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกและช่วยให้เด็กเติบโตสูงขึ้น อย่างไรก็ตามการเลือกกีฬาที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุของเด็กจะทำให้ความสูงเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
โดยการมีส่วนร่วมในการออกกำลังกายเป็นประจำเหมาะสำหรับความสูงที่ยาวนาน โดยเป็นการกระตุ้นสมอง ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกายให้เพียงพอต่อกล้ามเนื้อโครงร่างและเซลล์สมอง อีกทั้งยังส่งเสริมความหนาแน่นของกระดูก การออกกำลังกายยังส่งเสริมการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตและทำให้กระดูกกล้ามเนื้อและสมองพัฒนาได้ดีขึ้นอีกด้วย
เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
ผู้ปกครองสามารถให้ลูกออกกำลังกายแบบพาสซีฟ เช่น การนวดสัมผัส นอกจากนี้ยังสามารถปล่อยให้ลูกน้อยนอนอยู่บนพรมหรือสนามหญ้า โดยทำการยกพลิกคว่ำ คลาน กระโดดตามจังหวะเพลงหรือการเล่นเกมส์บางอย่างเช่นการดึงของเล่น การก้มกลิ้ง
ทารกอายุ 1-2 ปี
สามารถปล่อยให้พวกเขาวิ่ง กระโดด ปีนบันได ขว้างลูกบอล เล่นทราย เล่นฟุตบอล
ทารกอายุ 2-3 ปี
สามารถให้เด็กๆเล่นกีฬาเช่นวิ่งกระโดด ปีนป่ายหรือเล่นเกมต่าง ๆ เช่นการกระโดดบนลูกบอล ยืนกระโดดไกล การเดินเขย่งเท้าหยิบลูกบอล การเหยียบเงาตนเอง
เด็กอายุมากกว่า 4 ปี
ในการออกกำลังกายและการเล่นควรเพิ่มความสนใจของเด็กในการเล่นกีฬา และเพิ่มความสามารถในการประสานงานการเคลื่อนไหวของพวกเขา ตัวอย่างเช่นให้เด็ก ๆ ข้ามสะพานไม้ในพื้นที่เล่นเกมกลางแจ้ง เต้นรำจับมือ ชมนกชมไม้
เด็กวัยเรียนขึ้นไป
ควรออกกำลังกายว่ายน้ำ วิ่งจ๊อกกิ้ง เดินเล่น เล่นสเก็ต ปั่นจักรยานและเล่นเกมบอลต่าง ๆ โดยควรเล่น 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาทีไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
ส่วนการกระโดดเชือก กระโดดยาง กระโดดในแนวดิ่งอาจทำให้เกิดแรงกดบนแขนขาล่าง จึงทำให้ปริมาณเลือดเพียงพอที่จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของกระดูก การออกกำลังกายในแนวดิ่งนี้ควรเล่นวันละ 1-3 ครั้ง 5-10 นาทีในแต่ละครั้ง
และการออกกำลังกายยืดเช่น pull-ups แอโรบิก เตะขา กดขา การออกกำลังกายบัลเล่ต์ ฯลฯ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและทำให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ควรทำประมาณ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์

4.การนอนหลับ
เด็กๆควรได้รับการนอนหลับที่เพียงพอเพราะการนอนหลับนั้นเป็น “สารอาหาร” ที่ทำให้ร่างกายของเด็กๆเติบโตสูงขึ้น หลังจากร่างกายหลับไปการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตจะมีความแข็งแรงกว่าปกติและใช้เวลาในการหลั่งนานกว่าซึ่งจะนำไปสู่การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เด็กๆจึงควรนอนหลับอย่างเพียงพอ
เด็กแรกเกิด – 6 เดือน
ควรนอนพักผ่อน 14-18 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเด็กช่วงวัยนี้จะตื่นทุกๆ 3 ชั่วโมงจนกนะทั่งอายุ 4 เดือน การนอนถึงจะเริ่มเป็นเวลามากขึ้น เด็กเล็กส่วนใหญ่จะนอนในเวลากลางคืน 9-12 ชั่วโมงต่อกัน
เด็ก 6 เดือน-12 เดือน
จะหลับประมาณ 14 ชั่วโมงต่อวัน โดยเด็กวัยนี้จะเริ่มเจอความวิตกกังวลระหว่างนอนไม่ว่าจะเป็นปัจจัยแสงแดดหรืออุณหภูมิ เด็กจะสามารถรับรู้ถึงสภาวะรอบตัวได้มากขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้ถูกรบกวนระหว่างนอนได้ง่าย
เด็ก 1-3 ปี
เป็นเด็กวัยหัดเดินที่ควรนอน 12-14 ชั่วโมงต่อวัน สามารถงีบช่วงเวลากลางวันได้แต่ไม่ควรใกล้เวลานอนมากเกินไป
เด็ก 3-5 ปี
เด็กวัยนี้จะนอนตอนกลางคืนประมาณ 11-12 ชั่วโมงต่อวัน และจะเลิกนอนกลางวันเมื่ออายุ 5 ขวบ
เด็ก 5-12 ปี
เป็นวัยกำลังเรียนควรนอนประมาณ 10-11 ชั่วโมงต่อวันในเวลากลางคืน โดยในเด็กวัย 5 ขวบที่เริ่มเลิกนอนกลางวัน ควรชดเชยด้วยการนอนเร็วมากยิ่งขึ้นเพราะยิ่งนอนมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ความสูงเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
เด็ก 12-18 ปี
เด็กในวัยนี้เป็นช่วงวัยรุ่นที่ควรพักผ่อนให้มากที่สุด เพราะเป็นช่วงสุดท้ายของการเพิ่มความสูง ดังนั้นเด็กๆจึงควรพักผ่อนประมาณ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรนอนเกิน 4 ทุ่มครึ่ง เพราะจะทำให้การหลั่งโกรทฮอร์โมนมีปัญหาจนกระทบกับการเพิ่มความสูงได้

5.อารมณ์
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอารมณ์ที่ดีจะส่งผลต่อความสูงและการควบคุมของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง หากผู้ปกครองตำหนิหรือทำให้ลูกกลัว เด็กๆจะเกิดความผิดหวังและก่อให้เกิดความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เด็กบางคนอาจพบกับ “วันแห่งความคิด” เมื่อพวกเขาไปนอนในเวลากลางคืน พวกเขาจะไม่สามารถเข้าสู่ภาวะหลับลึกซึ่งจะมีผลเสียต่อการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต ส่งผลให้เด็กไม่เติบโตสูง ดังนั้นผู้ปกครองจะต้องใส่ใจกับการรักษาเด็กให้อยู่ในสภาพจิตใจที่ดีและทำให้สูงขึ้นด้วยนะคะ
6.กรรมพันธุ์
ในทางการแพทย์ พันธุกรรมเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสูงของเด็ก ในเด็กที่พ่อและแม่สูงมักมีแนวโน้มที่จะสูงมากกว่าเด็กที่พ่อแม่ตัวเล็ก แต่แนวโน้มใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ในเด็กบางคนที่พ่อและแม่ไม่สูงแต่ลูกออกมาสูงมีมากมายเพราะปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นเพียงปัจจัยนึงเท่านั้น ยังคงมีปัจจัยในการทานอาหาร การออกกำลังกาย การนอนหลับฯลฯ ที่จะเพิ่มความสูงให้เด็กๆอีกมากมาย
7.โรค/ปัญหาสุขภาพในเด็ก
ความเจ็บป่วยทางร่างกายนั้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระทบต่อความสูง โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการขาดสารอาหารเพราะจะทำให้เด็กๆมีความเจริญเติบโตที่ไม่สมบูรณ์ทั้งด้านน้ำหนักและความสูง
ในเด็กที่มีภาวะขาดสารอาหารเรื้อรังจะทำให้ร่างกายไม่สามารถเจิรญเติบโตตามเกณฑ์ได้ เด็กๆจะมีพัฒนาการทางด้านความสูงที่ช้า
นอกจากการขาดสารอาหารแล้ว การเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆเช่นโรคพันธุกรรม โรคกระดูก โรคต่อมไร้ท่อที่กระทบกับการสร้างฮอร์โมนจะมีผลทำให้เด็กไม่สูง
” รักษาสุขภาพให้แข็งแรง สามารถเติบโตและสูงได้อย่างเต็มที่ “
Tips : เพิ่มความสูงด้วยการทานอาหารเสริม
นอกเหนือจากการออกกำลังกายและการทานอาหารเพิ่มความสูงแล้ว ผู้ปกครองควรให้ความสนใจในการทานอาหารเสริมเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับโครงสร้างของเด็ก และอาหารเสริมที่เหมาะสมจะสามารถทำให้ร่างกายของเด็กๆสูงได้เร็วขึ้นอีกด้วย
1.การเพิ่มโปรตีน โปรตีนเป็นรากฐานของชีวิต การแพร่กระจายของเซลล์กระดูกและการพัฒนาของกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆจะต้องการใช้โปรตีน ยิ่งร่างกายมนุษย์เจริญเติบโตเร็วเท่าไหร่ก็จะต้องมีการทาน ปลา กุ้ง เนื้อไม่ติดมัน ไข่ ถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองล้วนอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง
2. วิตามินและเซลลูโลส วิตามินเป็นแกนนำของการเพิ่มความสูง ซึ่งวิตามินที่สำคัญที่สุดคือวิตามิน A, B และ C ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของมนุษย์ ซึ่งมีอยู่ในตับ ไข่ โดยเฉพาะผักที่มีวิตามินเซลลูโลสและแร่ธาตุที่หลากหลาย เด็กๆที่ต้องการเพิ่มความสูงควรกินผักสดมากขึ้นนั่นเอง
3.การเพิ่มแร่ธาตุ การเจริญเติบโตของร่างกายมนุษย์ขึ้นอยู่กับการเติบโตและการพัฒนาของกระดูก ซึ่งหากเด็กๆทานแร่ธาตุที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส จะทำให้การเจริญเติบโตและการพัฒนาของกระดูกเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว

Blog
มารู้จักกับโคลอสตรุ้มกันเถอะ
โคลอสตรุ้ม (Colostrum) คืออะไร มารู้จักกันเถอะโคลอสตรุ้ม (Colostrum) คืออะไร ?โคลอสตรุ้ม (Colostrum) น้ำนมเหลือง หรือหัวน้ำนมนั้นเป็นอาหารที่มีความโดดเด่น...
“Pull up” ท่าออกกำลังกายเพิ่มความสูง
“Pull up” ท่าออกกำลังกายเพิ่มความสูงในกีฬาที่ช่วยเพิ่มส่วนสูงทั้งหมด “Pull up” เป็นท่าออกกำลังกายที่ให้ผลดีมากอันหนึ่ง Pull up คือท่าโหนบาร์แล้วยกตัวขึ้น เป็นท่าที่นิยมกันในกลุ่มผู้ชายนักออกกำลังกายในสมัยนี้ ทำไมจึงดีกับการเพิ่มส่วนสูง? ในท่าการโหนบาร์นี้...
4 ผลไม้แคลเซียมสูง สำหรับคนอยากสูง
4 ผลไม้แคลเซียมสูง สำหรับคนอยากสูงแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก มีหน้าที่หลักในการเสริมสร้างกระดูก สำหรับคนที่อยากสูงแล้วแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว โดยทั่วไปอาหารที่เราทานไปในแต่ละวัน ก็มีแคลเซียมประกอบอยู่...